พีท วิชญ์พล อ่อนประไพ (Lingrom ลิงรมย์)

23 Mar 2023

พีท วิชญ์พล อ่อนประไพ หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อของศิลปินคนนี้ แต่ พีท วิชญ์พล อ่อนประไพ คือนักร้องนำ ๑ ในสมาชิกวง Lingrom (ลิงรมย์) วงดนตรีรุ่นใหม่ New Generation ของสังกัดวงร็อกอันดับ ๑ ของประเทศไทย genie records ในเครือ GMM Grammy วันนี้เราจะมาทำความรู้จัก พีท วิชญ์พล อ่อนประไพ ให้มากขึ้น

พีท วิชญ์พล อ่อนประไพ

พีทเริ่มร้องเพลงตอน ๓-๔ ขวบได้ ร้องมาตลอดเกือบทั้งชีวิตแล้ว มีงานโรงเรียนอะไรก็ไปร้องหมด จนคุณพ่อคุณแม่เห็นแววเลยส่งไปเรียนร้องเพลง ไปแข่งบ้าง ไปโชว์ตามห้างสรรพสินค้าบ้าง เราก็เก็บประสบการณ์มาเรื่อย ๆ จนถึงช่วงหนึ่งของชีวิตที่ต้องเลือกแล้วว่าจะไปเรียนอะไรต่อ ในช่วงมัธยมต้น เพราะมัธยมปลายก็ต้องแยกสายแล้วว่าจะไปสายไหนต่อ ผมก็มาตั้งคำถามกับตัวเองแล้วก็พบว่าชีวิตนี้น่าจะทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากการร้องเพลง ก็เลยตัดสินใจขอคุณพ่อว่าจะไปเรียนที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ก็เรียนตั้งแต่มัธยมปลายไปเลยแล้วกัน เลยได้เข้ามาที่มหิดล จัดหนักจัดเต็มมาก ๆ ครับที่วิทยาลัยแห่งนี้

YAMP (Young Artist Music Program)

เหมือนโลกใหม่เลยนะครับ เหมือนเรามาอยู่อีกโลกหนึ่ง โลกที่มีคนคุยภาษาเดียวกัน คนที่วัน ๆ เอาแต่เล่นดนตรี คนที่ฟังเพลงแบบเดียวกับเรา บวกกับครูที่พร้อมจะทำให้เราเป็นนักดนตรีได้ โอเค ฉันจะถวายชีวิตเพื่อให้ชีวิตนี้ฉันจะต้องเป็นนักดนตรีให้ได้ เหมือนเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตด้วย ว่าเราจะใช้ชีวิตไปวัน ๆ ไม่ได้แล้วนะ เราต้องตั้งใจ

Hotwave Music Awards 2018

เราได้เล่นดนตรีกับวิทยาลัยตามงานต่าง ๆ อยู่แล้ว แล้วเราก็รู้สึกว่าอยากไปเล่นข้างนอก จริง ๆ Lingrom (ลิงรมย์) เคยไปแข่งงานหนึ่งงานแต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ ไม่ได้รางวัลอะไร จนไปเจอ Hotwave Music Awards ก็เลยอยากจะลองอีกสักครั้งหนึ่ง ประจวบเหมาะกับรุ่นพี่ของเรา I Hate Monday ลงแข่ง Hotwave Music Awards 2017 ตอนนั้นก็ได้ไปเชียร์เขาในรอบสุดท้ายที่เซ็นทรัลเวิลด์ รู้สึกว่าเราอยากไปยืนอยู่บนนั้นบ้าง เราอยากมีภาพแบบนั้นบ้าง ก็เลยคุยกับเพื่อน ๆ ลองสมัครดู ลองทำกันดูสักครั้ง แล้วก็ผ่านรอบที่ ๑ รอบที่ ๒ ผ่านไปเรื่อย ๆ จนรอบสุดท้าย ด้วยโจทย์ที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ มันก็เลยจริงจังและท้าทายมาก ๆ และเราก็รู้ว่าการแข่งขันนี้มันช่วยพัฒนาความสามารถของสมาชิกทุก ๆ คนในวง Lingrom (ลิงรมย์)

genie records

ต้องย้อนไปเมื่อประมาณ ๓-๔ ปีที่แล้ว ในเวที Hotwave Music Awards 2018 ตอนนั้นอยากเข้าไปแข่งดนตรีกับวงแบบว่าไม่ได้จริงจัง ไม่ได้คิดว่าจะผ่านรอบไหนหรือว่าไปถึงรอบสุดท้าย แต่กลายเป็นแข่งไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นจริงจังมาก ๆ แล้วก็ได้ไปถึงรอบสุดท้าย ระหว่างทางก็เจออะไรหลาย ๆ อย่าง เจอทั้งความสุข ทั้งความเครียด จนไปถึงรอบสุดท้าย ตอนประกาศผลก็ไม่ได้รางวัลอะไรเลย แต่ว่าได้การติดต่อกลับมาจากพี่อ๊อฟ Big Ass (พูนศักดิ์ จตุระบุล) ชวนเข้ามาในโครงการ genie new folder เขาอยากที่จะทำศิลปินหน้าใหม่ ศิลปินไฟแรงของ genie เลยชวนเข้ามา แล้วก็ได้เข้ามาอยู่ในครอบครัวของ genie ครับ

Lingrom (ลิงรมย์)

ลิงรมย์ เกิดจากการที่เป็นเพื่อนในห้องเดียวกัน จริง ๆ ลิงรมย์ไม่ใช่ชื่อลิงรมย์ ชื่อแบบวงร็อกทั่วไปเลย ก็แบบอะไรนะ Whatever, Time Six อะไรแบบนี้ ชื่อมันง่ายมาก ๆ พอมองย้อนกลับไปจากวันนี้แล้ว… แบบ อิหยังวะ ลิงรมย์มันเริ่มจากการที่เราอยู่หลังห้องแล้วก็คุยกันว่าเรามาตั้งวงไว้เล่นงานพรอม งานอะไรต่าง ๆ ในวิทยาลัย แค่นั้น เราอยากสนุก อยากกระโดด แต่พอเริ่มเล่นกันไปเรื่อย ๆ ก็มีงานแข่งข้างนอก ผมว่ามันเริ่มจากความสนุก มันเริ่มจากตรงนั้น

การเปลี่ยนแปลงสมาชิกในวง

พูดถึงการที่มือกลองหายไป จริง ๆ แล้วไม่ค่อยได้พูดออกสื่อเท่าไร การหายไปของมือกลอง เพราะรู้สึกว่าเราไม่อยากให้การเดินทางใหม่ของเขาเป็นผลกระทบของเราและเขา เรายังไปต่อและเขาก็ไปต่อ การหายไปของเขาทำให้เราหยุดชะงักอยู่พอตัว คือเราแค่รู้สึกว่าเสียดายมากกว่า เสียดายเวลาที่ผ่านมา เราอยากให้เขาไปตรงนั้นกับเราด้วย แต่ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ที่เราคุยกันแล้ว เราเข้าใจได้ว่าเขามีเส้นทางของเขาและเราก็มีเส้นทางของเรา เราก็แค่สนับสนุนกันและกันไปตลอด

ความแตกต่างของ พีท วิชญ์พล อ่อนประไพ และ พีท Lingrom (ลิงรมย์)

ผมมองว่าในส่วนของเบื้องหน้า ด้วยรูปแบบของการทำงานที่ต่างกัน การเล่นลิงรมย์และการเล่นละครเพลงก็มีรูปแบบที่ต่างกันอยู่แล้ว ส่วนเบื้องหลัง ก็จะเหมือนกันตรงความเป็นกันเอง สร้างเสียงหัวเราะ สร้างสีสันให้เพื่อน ๆ แต่ว่ารูปแบบการทำงาน ผมก็มีปัญหาอยู่นะ ผมติดนิสัยของการเล่นละคร ไปอยู่บนคอนเสิร์ตของลิงรมย์ก็โดนตำหนิมาบ้าง ก็ปรับปรุงมาเรื่อย ๆ จนทำได้ดีขึ้น เช่น ถ้าในอีก ๓ วันจะมีคอนเสิร์ต เราก็ต้องรู้แล้วว่าควรเตรียมตัวอย่างไร เราต้องจัดสรรดี ๆ ไม่ให้สับสน เพื่อให้งานออกมามีคุณภาพที่ดีทั้งสองงาน


ผลงานของ Lingrom (ลิงรมย์)

ตอนนี้มีทั้งหมด ๔ ซิงเกิลครับ มี ฉันยืนอยู่ตรงนี้ ไม่เป็นไร นิรันดร์ และมั่นไหม (Are You?) เป็นเพลงล่าสุด

เพลงของ Lingrom (ลิงรมย์) ที่ทำให้ทุกคนรู้จัก

เพลงฉันยืนอยู่ตรงนี้ ซึ่งตอนนั้นเปิดตัวเป็นเพลง Debut เลย เป็นเพลงที่รุ่นน้องแต่งให้ แล้วมันก็เป็นเรื่องจริงจากตัวผมเองไปเล่าในเพลง แล้วก็ยังได้ พีพี (กฤษฏ์ อำนวยเดชกร) เล่นในมิวสิกวิดีโอด้วย มันเลยทำให้ทุกคนได้รู้แล้วนะ ว่านี่คือลิงรมย์ จากค่ายเพลง genie records อย่างเป็นทางการ สำหรับเพลงฉันยืนอยู่ตรงนี้

ประทับใจเพลงไหนมากที่สุด

เพลงนิรันดร์ ครับ เพลงนี้มันเริ่มมาจาก เติ้ล ศิรเวธน์ ศรีพฤกษชาติ (มือคีย์บอร์ด) แต่งเพลงนี้ขึ้นมา ผมไม่ได้ประทับใจเนื้อหาหรือเมโลดีเพราะนะครับ แต่มันฟังกี่ทีมันเต็มอิ่มไปด้วยมวลบางอย่างที่ฟังแล้วรู้สึกอยากทำทุกวันให้มันดี เพราะว่าเพลงนี้มันพูดถึงความคิดถึง พูดถึงว่า ถ้าวันหนึ่งเราจากกันไป เราจากโลกนี้ไป หวังว่าเราจะได้กลับมาเจอกัน เราอยากทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด เราไม่ได้อยากมาเสียดายว่าเราไม่ได้ทำมันในวันที่เราทำมันไม่ได้แล้ว เนื้อเพลงมันกลมกล่อม เมโลดีมันเพราะมาก ๆ เวลาเราไปเล่นคอนเสิร์ต สารที่เราส่งไป มันถึงคนดูทุกคน ในทุกที่ที่เราไปเล่น

เพลงที่ประสบความสำเร็จที่สุดของลิงรมย์ สำหรับพีท

เพลงไม่เป็นไร เพลงนี้คนพูดถึงเยอะมากครับ หลายคนเข้ามาบอกกับผมว่าชอบมาก เราอ่าน feedback หลาย ๆ ที่ ทั้ง Facebook YouTube หรือ Twitter เลยคิดกลับไปว่า ตอนที่เราทำเดโมขึ้นมา เราไม่คิดว่าเพลงนี้จะไปไกลขนาดนี้ เราไม่คิดว่าเพลงเพลงหนึ่งจะสามารถสร้างภาพ สร้างน้ำตา สร้างความรู้สึกร่วมได้มากมายมหาศาล ที่แตกต่างกันไปแต่ละบุคคล มันประสบความสำเร็จแล้วนะ บางทีสิ่งที่เราคิด มันอาจจะไปไกลกว่าที่เราคิดอีกนะ

เรียนต่อที่ประเทศไทยก็เพราะลิงรมย์

ผมมีความคิดที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศนะครับ อาจจะไม่ได้เรียนต่อระดับอุดมศึกษาที่นี่ และมีหลายความคิดมาก ๆ แต่สิ่งที่ค้ำประกันความคิดเราอยู่คือ Lingrom (ลิงรมย์) ลิงรมย์เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผมยังอยู่ที่นี่ และลิงรมย์เป็นอีกความหวังหนึ่งที่ผมสามารถไปต่อในสายงานนี้ได้ ลิงรมย์เป็นเหมือนสื่อกลางระหว่างสารที่ผมต้องการให้คนที่มาดูผมในคอนเสิร์ตมีความสุข ต้องการให้พวกเขาได้รับเสียงเพลง ลิงรมย์เป็นสิ่งเหล่านั้น ผมอยากทำให้ทุกคนที่พบเจอลิงรมย์ ไม่ว่าเมื่อไร จะต้องได้ดนตรีที่ดี ได้เสียงเพลง ได้ทุก ๆ อย่างกลับไป และมีความสุข มันก็มีหลายความคิด ที่อยากไปต่างประเทศเพราะเราเรียนสายละครเพลง (musical theater) ยังมีประสบการณ์ใหม่ ๆ สถานที่ใหม่ ๆ คุณครูใหม่ ๆ แล้วก็ได้ความรู้ใหม่ ๆ ในต่างประเทศ แต่อยู่ไทยก็เพราะลิงรมย์ พี่อาจสงสัยว่าทำไมผมถึงเลือกเรียนสาขาละครเพลง ทำไมไม่เข้าสาขา popular music

เลือกเรียนต่อละครเพลง

จริง ๆ เป็นเพราะผู้หญิงคนหนึ่งทำให้ผมเปิดใจเกี่ยวกับการเล่นละคร ตอนผมเรียนที่ YAMP ผมเรียนด้านละครเพลง เพราะตอนนั้นยังไม่มีสาขา popular music ให้เรียน ก็เลยทำวงลิงรมย์ขึ้นมานอกเวลาเรียนเพื่อไปทำวงดนตรีป๊อปเพื่อมาเล่นกัน ผู้หญิงคนนั้นทำให้เราเปลี่ยนความคิด ลองออกไปเล่นละคร เปิดใจกับการดูละคร เลยทำให้เราคิดว่าศาสตร์นี้น่าสนใจ เปิดใจ และเห็นว่าในระดับปริญญาตรีมีสาขาละครเพลงด้วย ก็เลยคิดว่าจะลองดูสักตั้ง จะได้ออกจากกรอบสักที ก็เลยเลือกเรียนต่อสาขาละครเพลง (แล้วเพื่อนไม่ห้ามไว้เลย – ทีมงานถาม) ก็มีนะ แกเหมาะกับเข้าสาขา popular music มากกว่า เพื่อนบอกกับผม เราก็รู้สึกนะว่าตัวเองเหมาะกับสาขา popular music มากกว่า แต่ว่าถ้าเลือกสาขานี้ เราจะไม่ได้ทำสิ่งใหม่ ๆ เลย เราเข้าใจว่าการจับปลาสองมือมันเป็นสิ่งที่ไม่ดีเท่าไรหรอก แต่เราว่า มหาวิทยาลัยเป็นเหมือนสนามทดลองอะไรบางอย่าง ชีวิตจริงอาจจะไม่ได้ทำด้วยซ้ำ อยากหาทักษะใหม่ ๆ ให้ตัวเอง หาโอกาสให้ตัวเองเรื่อย ๆ ไม่ได้รู้สึกว่าเราร้องเพลงได้แล้ว เรียนสาขาป๊อปจะง่ายสำหรับเรา ผมไม่ได้คิดแบบนั้น ชีวิตมันคือการท้าทาย ชีวิตคือการหาอุปสรรคให้ตัวเองเรื่อย ๆ แล้วเราจะแก้โจทย์เหล่านั้นได้อย่างไรบ้าง

ความแตกต่างของละครเพลงกับเพลงป๊อป

ต่างอย่างสิ้นเชิงครับ การเล่นเพลงป๊อปกับวงลิงรมย์ ผมรู้สึกว่าออกไปเอ็นเตอร์เทนคน สร้างรอยยิ้มสร้างเสียงหัวเราะให้กับคน แล้วคนก็ติดตามลิงรมย์ เราเห็นคนเหล่านั้นแล้วเราก็รู้สึกว่าเหมือนเติมไฟให้เราอยากทำเพลง มันคือการทำเพลงเพื่อมอบให้คนที่เราต้องการให้เขา แต่อย่างละครเพลงหรือ musical theatre มันคือการที่เราเล่นละคร คือการนำศาสตร์ทั้ง ๓ ก็คือ ร้อง เต้น และการแสดง มาทำอยู่บนเวที มันก็จะเป็นอีกวงการหนึ่ง คนดูก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง เราก็เลยรู้สึกว่าเป็นอีกหน้าที่หนึ่งที่มันท้าทายดี การเต้น การร้อง และการแสดง ถ้าเราทำได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีต่อเราเหมือนกัน

ละครเวทีเรื่องไหนที่ทำให้พีทเปิดใจ

เป็นละครของรุ่นพี่ที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์นี่แหละ เป็นรุ่นพี่สาขาละครเพลงเหมือนกัน เขาจบไปแล้ว และไปทำละครโรงเล็กข้างนอก แล้วผู้หญิงคนนั้นก็พาเราไปดู ชื่อว่า ละครเพลง ๒๑ ๓/๔ (๒๑ เศษ ๓ ส่วน ๔) เขาทำละครขึ้นมาแล้วเราก็ไปดู เลยได้ความคิดว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นละครโรงใหญ่นี่หว่า ที่เราจะสนุก เราจะแฮปปี้ บางทีการที่เราเล่นละครไป แล้วเราต้องการแค่ความคิดเห็นของคนดู ละครเพลงเรื่องนี้แหละทำให้เราจุดประกายว่า ละครเพลงเป็นศาสตร์ที่ครบรส ถ้าเราทำได้ เราจะโครตสุดยอด ในวันนั้นเราเป็นเด็กท้ายแถวเลยในเรื่องของละครเพลง เราต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่เลย ทุกคนรู้จักพวกดิสนีย์ต่าง ๆ ละครเพลงเรื่องโน้นเรื่องนี้ เรายังไม่ค่อยรู้จักเลย ต้องวิ่งตามทุกคนตลอดเวลา เราอยากจะวิ่งตามทัน เลยเลือกเรียนสาขาละครเพลง

เป้าหมายในชีวิต การเดินทางขนานไปทั้ง ๒ เส้นทาง ทั้งเป็นสมาชิกวงลิงรมย์และการเรียนในสาขาละครเพลง เราต้องยอมรับกับ condition นี้ หมายถึงว่าต้องยอมเหนื่อยนะ เหนื่อยที่จะมีเวลาให้ตัวเองน้อยลง เราก็แค่ยอมรับกับโอกาสที่เข้ามาในแต่ละเส้นทาง เคารพทุกคนที่เข้ามา เราอยากจะไปอยู่จุดที่สูงที่สุดไม่ว่าเส้นทางไหนก็ตาม ทุก ๆ คนที่อยากจะเป็นศิลปินก็ต้องการชื่อเสียง ต้องการการยอมรับจากทุก ๆ คนว่า มีชื่อเสียงนะ มีงานนะ เราก็ต้องการสิ่งเหล่านั้นเหมือนกัน แต่ไม่ว่าลิงรมย์จะไปอยู่ตรงไหน เราก็ยอมรับที่มันจะเป็นนะ คือถ้ามันสุดแล้วเราก็พอ แต่ถ้ามันไปได้เราก็จะไป ไปกับลิงรมย์ให้ถึงที่สุด ส่วนด้านละครเพลง ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่หยุด ยังไม่หยุดที่จะหาละครข้างนอก หรือสิ่งที่จะทำเพื่อฝึกประสบการณ์ ทุกวันนี้ก็ยังมีละครที่ต้องไปซ้อม ที่ต้องไปเล่น จบละครเรื่องหนึ่งก็หาใหม่ไปอีกเรื่อย ๆ ผมต้องการที่จะเก็บทักษะ เพิ่มโพรไฟล์ เพื่อในอนาคตจะสามารถการันตีได้ว่า ทำไมคุณต้องจ้างผม ทำไมต้องจ้างลิงรมย์ มันคือสิ่งเหล่านั้นมากกว่า เป้าหมายของผมไม่ใช่การที่ให้คนทั่วประเทศรับรู้ว่าผมคือลิงรมย์ มีเพลงดังร้อยล้านวิว แต่แค่ต้องการว่า เราจะเต็มที่กับทุกโอกาสที่ได้รับมา มันไปสุดถึงแค่ไหนก็แค่นั้น ทั้ง ๒ เส้นทางเลยครับ

[MUSIC JOURNAL Volume 28 No. 2 | October 2022]

Attawit Sittirak

เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล